การตั้งหนี้อัตโนมัติ

การตั้งหนี้อัตโนมัติด้วย RPA และ OCR ยกระดับงานบัญชีเจ้าหนี้

การตั้งหนี้คือหนึ่งในกระบวนการสำคัญของฝ่ายบัญชีและการเงินที่มีผลโดยตรงต่อสภาพคล่องและความน่าเชื่อถือของธุรกิจ แต่ที่ผ่านมาหลายองค์กรยังพึ่งพาการคีย์ข้อมูลด้วยมือ ทำให้เกิดความล่าช้า และความผิดพลาด ปัจจุบันเทคโนโลยี RPA และ OCR ได้เข้ามามีบทบาทในการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน ช่วยให้องค์กรสามารถบันทึกบัญชีเจ้าหนี้ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ การผสานสองเทคโนโลยีนี้เป็นก้าวแรกสู่ Accounts Payable Automation ที่ทำให้การเงินองค์กรสร้างคุณค่าได้มากขึ้น

ตั้งหนี้คืออะไร

พื้นฐานของการตั้งหนี้และบัญชีเจ้าหนี้

ตั้งหนี้คืออะไร

การตั้งหนี้ คือการบันทึกข้อมูลใบแจ้งหนี้ที่ได้จากคู่ค้าเข้าสู่ระบบบัญชี ขั้นตอนนี้ไม่ใช่แค่การกรอกตัวเลข แต่รวมถึงการตรวจสอบรายละเอียดเอกสาร เช่น หมายเลขใบแจ้งหนี้ วันที่ครบกำหนด รายการสินค้าหรือบริการ รวมถึงเงื่อนไขการชำระเงิน กระบวนการตั้งหนี้ที่ถูกต้องช่วยป้องกันการจ่ายเงินซ้ำซ้อน การจ่ายผิดยอด หรือลืมชำระ ซึ่งทำให้เสียเครดิตต่อคู่ค้า

เจ้าหนี้การค้าและความสำคัญต่อธุรกิจ

เจ้าหนี้การค้าคือผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่ธุรกิจมีภาระต้องชำระเงินตามเงื่อนไข ความสัมพันธ์กับเจ้าหนี้การค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการชำระเงินตรงเวลาไม่เพียงแค่รักษาความน่าเชื่อถือ แต่ยังช่วยสร้างโอกาสในการเจรจาส่วนลด เครดิตเทอมที่ยืดหยุ่น และการสนับสนุนด้านอื่น ๆ จากคู่ค้า

บทบาทของการบันทึกเจ้าหนี้ในระบบบัญชี

การบันทึกเจ้าหนี้ไม่ใช่เพียงขั้นตอนทางเอกสาร แต่เป็นหัวใจสำคัญของระบบบัญชีและการเงินทั้งหมด เพราะข้อมูลจากเจ้าหนี้จะเชื่อมโยงไปยังงบการเงิน การวิเคราะห์กระแสเงินสด และการวางแผนงบประมาณ หากบันทึกไม่ถูกต้อง ข้อมูลที่ผู้บริหารใช้ตัดสินใจก็อาจคลาดเคลื่อน

ปัญหาหลักของการบันทึกเจ้าหนี้ด้วยวิธีเดิม

ความล่าช้าและต้นทุนแฝง

กระบวนการเหล่านี้ใช้เวลานานโดยเฉพาะเมื่อมีเอกสารจำนวนมาก ความล่าช้าไม่เพียงทำให้ทีมงานเสียเวลา แต่ยังเพิ่มต้นทุนแฝงที่หลายธุรกิจไม่ทันสังเกต เช่น ค่าแรงจากการทำงาน หรือค่าปรับเมื่อไม่สามารถชำระเงินได้ตรงเวลา

ความผิดพลาดจากการคีย์และการตรวจสอบ

งานคีย์ข้อมูลจำนวนมากด้วยมือ ย่อมมีโอกาสผิดพลาดสูง ไม่ว่าจะเป็นการใส่ยอดผิด เลขที่เอกสารไม่ตรง หรือลืมแนบเอกสารประกอบ แม้ข้อผิดพลาดเล็กน้อยก็นำไปสู่ผลกระทบที่ใหญ่ เช่น การจ่ายเงินไม่ตรงตามยอด ทำให้ต้องใช้เวลาตรวจสอบนาน

ความเสี่ยงด้านการเงินและการคุมภายใน

  • การจ่ายเงินซ้ำหรือจ่ายผิดยอด ทำให้บริษัทเสียเงินโดยไม่จำเป็น
  • การขาดข้อมูลแบบเรียลไทม์ การบันทึกแบบแมนนวลทำให้ผู้บริหารไม่สามารถเห็นภาพรวมของเจ้าหนี้ได้ทันที
  • โอกาสพลาดส่วนลดจากคู่ค้า คู่ค้าอาจจะให้ส่วนลดเมื่อชำระก่อนกำหนด แต่ถ้ากระบวนการตั้งหนี้ล่าช้าหรือข้อมูลไม่ครบ องค์กรอาจชำระไม่ทันเวลา

ทำไมต้องก้าวสู่การตั้งหนี้อัตโนมัติ

การทำงานแบบ Manual มีข้อจำกัด

การทำงานแบบแมนนวลมีข้อจำกัดชัดเจน ทั้งในแง่ความเร็ว ความถูกต้อง และการตรวจสอบย้อนหลัง ทุกขั้นตอนต้องพึ่งแรงงานคน ตั้งแต่การสแกนเอกสาร การพิมพ์ข้อมูลเข้าสู่ระบบ ไปจนถึงการส่งต่อให้อนุมัติ

ความท้าทายในองค์กรที่มีเจ้าหนี้จำนวนมาก

ปัญหาที่มักเกิดขึ้นเมื่อมีเจ้าหนี้จำนวนมาก เช่น ปริมาณใบแจ้งหนี้ที่เข้ามาวันละหลายสิบหรือหลายร้อยใบ ความแตกต่างของรูปแบบเอกสาร และการกำหนดวันครบกำหนดการชำระเงินที่หลากหลาย

การปรับตัวสู่ดิจิทัลไฟแนนซ์

ปัจจุบันกำลังเคลื่อนไปสู่ยุค Digital Finance คือการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้การเงินขององค์กรทำงานอย่างคล่องตัว โปร่งใส และสามารถเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ ได้แบบไร้รอยต่อ การตั้งหนี้อัตโนมัติถือเป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านนี้

การทำงานอัตโนมัติในกระบวนการตั้งหนี้

การทำงานอัตโนมัติในกระบวนการตั้งหนี้

การทำให้ข้อมูลจากเอกสารใบแจ้งหนี้ที่เคยอยู่บนกระดาษหรือไฟล์ PDF สามารถเข้าสู่ระบบบัญชีได้โดยตรง พึ่งพามนุษย์น้อยที่สุด โดย OCR และ RPA เป็นกลไกหลักที่ช่วยยกระดับขั้นตอนการตั้งหนี้ให้ทันสมัย แม่นยำ และพร้อมตรวจสอบได้ทุกเมื่อ

ขั้นตอนการประมวลผลตั้งหนี้แบบดิจิทัล

  • รับเอกสาร – ไม่ว่าจะมาทางอีเมล ไฟล์ PDF หรือเอกสารสแกน
  • แปลงข้อมูลด้วย OCR – ดึงรายละเอียดที่จำเป็นออกมาเป็นข้อมูลดิจิทัล
  • ตรวจสอบข้อมูล – ตั้งกฎให้ RPA ตรวจสอบความถูกต้อง เช่น เลขที่เอกสารซ้ำหรือไม่
  • บันทึกเข้าระบบ – RPA โอนข้อมูลไปยัง ERP หรือซอฟต์แวร์บัญชีทันที
  • แจ้งเตือนกำหนดชำระ – ระบบจะทำการแจ้งเตือนก่อนถึงวันครบกำหนดเพื่อไม่ให้พลาด
  • เก็บบันทึกและตรวจสอบย้อนหลัง – ทุกข้อมูลอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ค้นหาได้ง่าย และปลอดภัย

เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยตั้งหนี้อัตโนมัติการตั้งหนี้

การเปลี่ยนกระบวนการตั้งหนี้จากงานเอกสารและการคีย์ข้อมูลด้วยมือมาสู่ระบบอัตโนมัติ จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี OCR และ RPA โดย OCR ช่วยเปลี่ยนข้อมูลจากเอกสารให้กลายเป็นดิจิทัล ส่วน RPA จะนำข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบบัญชี หรือ ERP โดยอัตโนมัติ

OCR อ่านข้อมูลใบแจ้งหนี้

OCR หรือ Optical Character Recognition เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ระบบสามารถอ่านตัวอักษรและตัวเลขจากเอกสาร ทั้งในรูปแบบสแกน ไฟล์ PDF หรือแม้แต่ภาพถ่าย แล้วแปลงเป็นข้อมูลดิจิทัลที่นำไปใช้ต่อได้ทันที จุดเด่นของ OCR ที่ใช้กับงานบัญชีคือสามารถดึงข้อมูลสำคัญจากเอกสารใบแจ้งหนี้อัตโนมัติ เช่น ชื่อผู้ขาย หมายเลขใบแจ้งหนี้ วันครบกำหนดการชำระ รายการสินค้า และยอดรวม โดยไม่ต้องพิมพ์ซ้ำด้วยมือ

RPA บันทึกข้อมูลอัตโนมัติ

RPA หรือ Robotic Process Automation ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเสมือนที่คอยบันทึกข้อมูลจาก OCR เข้าสู่ระบบบัญชีหรือ ERP แทนพนักงาน กระบวนการนี้ทำได้รวดเร็วและสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเหนื่อยล้าหรือข้อผิดพลาดจากการพิมพ์ RPA ยังสามารถตั้งเงื่อนไขการทำงาน เช่น ตรวจสอบเลขที่ใบแจ้งหนี้ซ้ำ การเปรียบเทียบยอดกับใบสั่งซื้อ หรือการแจ้งเตือนเมื่อข้อมูลไม่ตรงกันได้อีกด้วย

ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำบัญชีเจ้าหนี้อัตโนมัติ

ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำบัญชีเจ้าหนี้อัตโนมัติ

  • ลดเวลาและต้นทุนการทำงาน – การตั้งหนี้ที่เคยใช้เวลาหลายวันในการบันทึก สามารถเสร็จสิ้นในไม่กี่ชั่วโมง ลดภาระงานซ้ำซ้อนของทีมบัญชี
  • เพิ่มความถูกต้องและโปร่งใส – RPA และ OCR ช่วยให้ข้อมูลเข้าสู่ระบบโดยไม่ผ่านการคีย์ซ้ำ ลดโอกาสผิดพลาดและทำให้ตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย
  • สนับสนุนการบริหารกระแสเงินสด – ผู้บริหารสามารถเห็นยอดเจ้าหนี้ที่แท้จริงแบบเรียลไทม์ ช่วยวางแผนการจ่ายเงินและใช้ประโยชน์จากเครดิตเทอมได้เต็มที่
  • ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน – ระบบตรวจสอบเอกสารซ้ำ แจ้งเตือนเมื่อข้อมูลไม่ตรงกัน และสร้างขั้นตอนอนุมัติที่ปลอดภัย
  • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน – การทำงานที่เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า และพร้อมขยายกิจการโดยไม่ต้องเพิ่มบุคลากรด้านเอกสาร
  • สร้างข้อมูลพร้อมใช้เพื่อการวิเคราะห์ – ทุกเอกสารถูกเก็บในรูปแบบดิจิทัล สามารถดึงออกมาทำรายงาน หรือวิเคราะห์แนวโน้มการใช้จ่ายเพื่อปรับปรุงการวางแผนการเงินได้

ตัวอย่างการใช้งานในธุรกิจจริง

กรณีศึกษาในธุรกิจ

ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ดำเนินธุรกิจค้าส่งมีใบแจ้งหนี้เข้ามากว่า 2,000 ใบต่อเดือน ก่อนหน้านี้พนักงานบัญชีต้องใช้เวลาหลายวันในขั้นตอนบัญชีเจ้าหนี้ ส่งผลให้เกิดความล่าช้าและบางครั้งก็จ่ายเงินช้าเกินกำหนด หลังจากนำระบบ RPA และ OCR เข้ามาใช้ ใบแจ้งหนี้ถูกดึงจากอีเมลและสแกนเข้าระบบ OCR จากนั้น RPA จะบันทึกเข้าสู่ระบบ ERP พร้อมจับคู่กับใบสั่งซื้อและตรวจสอบเลขที่ซ้ำอัตโนมัติ

ตัวอย่างการใช้งานกรณีศึกษาการตั้งหนี้
เปรียบเทียบก่อนและหลังใช้ระบบช่วย

เปรียบเทียบก่อนและหลัง

  • เวลาต่อใบแจ้งหนี้: จาก 5 นาที เหลือเพียง 1 นาที (ลดลง 80%)
  • รอบเวลาตั้งหนี้: จาก 2–3 วันทำการ เหลือเพียง 1–2 ชั่วโมง
  • อัตราความผิดพลาด: จาก 3-10% เหลือน้อยกว่า 0.5%

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เหมาะสำหรับองค์กรที่มีจำนวนการซื้อหรือค่าใช้จ่ายสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจค้าส่ง–ค้าปลีก บริษัทที่มีการจ่ายบริการประจำ หรือธุรกิจที่ใช้หลายซัพพลายเออร์เป็นประจำ นอกจากนี้ยังเหมาะกับฝ่ายบัญชี ฝ่ายจัดซื้อ และฝ่ายจัดการงบประมาณที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำในการบันทึกหนี้

สามารถเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างใบสั่งซื้อและใบแจ้งหนี้ได้ทันที ถ้าพบราคารายการ จำนวนสินค้า หรือวันที่ส่งมอบไม่ตรงกัน จะมีการเตือนเพื่อให้ผู้ใช้งานตรวจสอบก่อนตั้งหนี้จริง ช่วยให้ฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายบัญชีทำงานร่วมกันได้กระชับขึ้น และหลีกเลี่ยงการตั้งหนี้ผิดโดยไม่ได้ตรวจสอบ

เมื่อข้อมูลหนี้ถูกบันทึกตามวันครบกำหนดชำระ ฝ่ายการเงินสามารถวางแผนการจ่ายเงินล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ เห็นได้ว่ามีหนี้ที่ต้องจ่ายเมื่อใด กี่บาท และกับผู้ขายรายใด ช่วยลดปัญหาการจ่ายช้าหรือผิดนัด และทำให้การบริหารเงินสดมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจที่ต้องควบคุมต้นทุนอย่างใกล้ชิด

Facebook
LinkedIn
x.com

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ตรวจใบกำกับภาษีอัตโนมัติ e-Tax Automation

ตรวจใบกำกับภาษีอัตโนมัติ

โดยใช้ OCR เพื่อดึงข้อมูลจากใบกำกับภาษี และใช้ RPA เพื่อตรวจสอบ เปรียบเทียบกับเอกสารอื่น

การทำใบหัก ณ ที่จ่ายอัตโนมัติ

การทำใบหัก ณ ที่จ่ายอัตโนมัติ

การใช้เครื่องมือ Automation อย่างเช่น RPA หรือ OCR มาช่วยสร้างเอกสารหัก ณ ที่จ่ายอัตโนมัติ