การแข่งขันไม่ได้วัดกันที่ใครมีข้อมูลมากกว่า แต่อยู่ที่ใครสามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้ดีกว่ากัน Real Time จึงกลายเป็นรากฐานสำคัญที่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้ทันต่อสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ตลาด การดูแลลูกค้า หรือการจัดการภายในองค์กร การตัดสินใจจากข้อมูลเรียลไทม์ ช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความผิดพลาดในการทำงาน อีกทั้งยังเพิ่มความเชื่อมั่นทั้งในมุมของลูกค้า และคู่ค้าอีกด้วย
Real Time คือกระบวนการที่ทำให้การบันทึกข้อมูล ประมวลผล และแสดงผลในทันทีที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น โดยไม่ต้องรอแบบเดิมที่ต้องรวบรวมและสรุปผลเป็นรอบ จุดเด่นอยู่ที่ความเร็วและความต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและมีข้อมูลสนับสนุนที่ทันต่อเหตุการณ์ ส่วนในมุมขององค์กรคือสิ่งที่ช่วยยกระดับการทำงาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า
ในชีวิตประจำวันของเรา Real Time แทรกอยู่ในกิจกรรมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นแอป Google Maps บอกสภาพจราจรแบบทันทีช่วยเลือกเส้นทางที่เร็วที่สุด หรือแอปพลิเคชันสั่งอาหารสามารถติดตามตำแหน่งพนักงานส่งอาหารได้แบบเรียลไทม์
เทคโนโลยีที่สามารถจัดการกับข้อมูลตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงผู้ใช้งานโดยไม่เกิดการล่าช้า ระบบลักษณะนี้ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งระบบเครือข่ายที่มีความเสถียร กลไกการจัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็ว และเครื่องมือประมวลผลที่ทำงานได้ต่อเนื่อง
ขั้นตอนการนำข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงจากแหล่งต่าง ๆ เข้าสู่ระบบแบบทันที โดยแหล่งข้อมูลมาจากเซนเซอร์ อุปกรณ์ IoT ธุรกรรมทางการเงิน หรือการใช้งานของผู้ใช้
นำข้อมูลที่ได้มาประมวลผลทันที ระบบจะทำการวิเคราะห์และกรองข้อมูลตามกฎหรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น การตรวจสอบพฤติกรรมการใช้งาน หรือวิเคราะห์ความผิดปกติ/แนวโน้ม
การวิเคราะห์เชิงลึกและการตอบสนองแบบทันที โดยข้อมูลจะถูกนำมาสร้างแดชบอร์ดรายงานแบบเรียลไทม์ แจ้งเตือนผู้ใช้งาน หรือแม้แต่สั่งงานระบบต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ
แหล่งข้อมูล หรือ Data Source เป็นข้อมูลก่อนที่จะส่งเข้าสู่ระบบเพื่อประมวลผล โดยอาจมาจากหลายรูปแบบ เช่น อุปกรณ์ IoT เก็บค่าต่าง ๆ ในโรงงานผลิต หรือกล้องวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมผู้ใช้งาน เป็นต้น
เครื่องมือประมวลผล (Processing Engine) ทำหน้าที่รับข้อมูลและแปลงให้อยู่ในรูปแบบที่ใช้งานได้ทันที ระบบจะต้องทำงานด้วยความเร็วสูง เพื่อไม่ให้ข้อมูลล่าช้า เช่น การตรวจจับเหตุการณ์ที่ผิดปกติ เป็นต้น
การนำผลลัพธ์ไปใช้งานจริง อาจอยู่ในรูปแบบแดชบอร์ดเพื่อให้ผู้บริหารติดตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์ หรือเชื่อมต่อกับระบบอัตโนมัติ เช่น การปรับการทำงานของเครื่องจักรตามข้อมูลสภาพแวดล้อมที่อุปกรณ์ IoT เก็บมาได้
ธนาคารตรวจสอบธุรกรรมที่เกิดขึ้น หากพบความผิดปกติ RPA จะดำเนินการทันที ไม่ว่าจะเป็นระงับธุรกรรม แจ้งเตือนลูกค้า และเปิดเคสให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ นอกจากนี้ธนาคารยังนำระบบ OCR มาอ่านข้อมูลจากบัตรประชาชน หรือเอกสารยืนยันตัวตน แล้วให้ RPA ส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบเพื่อตรวจสอบ ทำให้ขั้นตอนการเปิดบัญชีรวดเร็วขึ้น
ในด้านโลจิสติกส์ RPA จะนำข้อมูลสถานะการจัดส่งแบบ Real Time เช่น ตำแหน่งของรถขนส่ง หรือสถานะพัสดุที่ถึงจุดกระจายสินค้า ไปใช้งานต่อโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตสถานะการจัดส่งลงในระบบ แจ้งเตือนลูกค้าเมื่อสินค้าใกล้ถึง หรือเปิด Ticket ให้ทีมงานตรวจสอบทันทีหากพบความล่าช้า ช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหาได้อย่างมาก
การสวมอุปกรณ์ตรวจวัดสัญญาณชีพ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด หรือความดันโลหิต แล้วส่งต่อข้อมูลเข้าสู่ระบบ Real Time หากพบค่าผิดปกติระบบจะแจ้งเตือนไปยังแพทย์หรือพยาบาลให้ช่วยเหลือผู้ป่วยในทันที นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามการใช้เครื่องมือและยา เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนยา
เครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้อย่างใกล้ชิดและทันเวลา การวิเคราะห์ข้อมูลจากการกด Like, Comment หรือการแชร์ ช่วยให้เข้าใจได้ทันทีว่าผู้ติดตามเพจตอบสนองต่อ Content อย่างไร หากกระแสตอบรับไม่เป็นไปตามที่หวัง ทีมงานจะได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหา การโฆษณา หรือกลยุทธ์การตลาดได้ทันที
ในยุคดิจิทัล ธุรกิจดำเนินไปอย่างรวดเร็ว การรอข้อมูลอัปเดตอีก 1-2 วัน หรือข้อมูลอัปเดตรายเดือนอาจทำให้พลาดโอกาสสำคัญ ข้อมูลเรียลไทม์จะช่วยให้ผู้บริหารประเมินสถานการณ์ได้ทันที เช่น ยอดขายที่ลดลงในขณะนี้ หรือคำสั่งซื้อจำนวนมากที่เข้ามาในบาง SKU
ข้อมูลที่รวดเร็วทันใจลูกค้า เช่น ลูกค้าสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน สามารถติดตามสถานะการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในการให้บริการ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจใช้บริการ
ตัวอย่างประเภทของข้อมูลที่เหมาะกับ Real Time