Six Sigma คือ แนวทางการบริหารคุณภาพที่มุ่งเน้นการลดข้อผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการโดยใช้หลักการทางสถิติและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ แนวคิดนี้พัฒนาขึ้นโดย Motorola ในช่วงปี 1980 และได้รับความนิยมในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความคลาดเคลื่อนของกระบวนการให้อยู่ในระดับ 3.4 ข้อผิดพลาดต่อล้านโอกาส ทำให้เกิดสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพสูงและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
Six Sigma อาศัยเครื่องมือทางสถิติและกรอบการทำงานที่เป็นระบบ เช่น DMAIC สำหรับการปรับปรุงกระบวนการที่มีอยู่ และ DMADV สำหรับการออกแบบกระบวนการใหม่ โดยแนวทางนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิต การแพทย์ การเงิน โลจิสติกส์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ
Lean Six Sigma เป็นการผสมผสานระหว่างแนวคิดของ Lean Manufacturing และ Six Sigma โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการ ลดของเสีย และเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า การรวมกันของสองแนวคิดนี้ช่วยให้องค์กรสามารถ เพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงความเร็วในการดำเนินงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Lean Six Sigma จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างแข็งแกร่งและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในระยะยาว
ภายใต้แนวคิดนี้ Six Sigma ประกอบด้วยสองกระบวนการหลัก ได้แก่ DMAIC ซึ่งใช้สำหรับปรับปรุงกระบวนการที่มีอยู่ และ DMADV ซึ่งใช้สำหรับออกแบบกระบวนการใหม่
DMAIC เป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ Define, Measure, Analyze, Improve และ Control ซึ่งช่วยระบุปัญหา วิเคราะห์สาเหตุ ปรับปรุงกระบวนการ และควบคุมคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
การระบุปัญหาและกำหนดเป้าหมายของการปรับปรุงกระบวนการอย่างชัดเจน โดยต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าและเป้าหมายขององค์กร พร้อมทั้งกำหนดขอบเขตขององค์กร
เก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการปัจจุบัน โดยใช้เครื่องมือทางสถิติเพื่อระบุประสิทธิภาพของกระบวนการ ข้อมูลที่ได้รับจะช่วยให้เห็นภาพรวมของปัญหา
วิเคราะห์เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อระบุปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของกระบวนการ การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้ออกแบบแนวทางการปรับปรุงที่ดีที่สุด
ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการโดยแก้ไขข้อบกพร่องที่พบ อาจใช้แนวทาง Lean Six Sigma เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ ทั้งนี้ควรมีการทดสอบแนวทางใหม่ก่อนนำไปใช้จริง
การควบคุมและรักษามาตรฐานของกระบวนการที่ได้รับการปรับปรุง เพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก โดยอาจกำหนดแนวทางการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง
DMADV เป็นแนวทางที่ใช้สำหรับการออกแบบกระบวนการใหม่หรือพัฒนาสินค้าใหม่ให้มีคุณภาพสูงสุด ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ Define, Measure, Analyze, Design และ Verify โดยเน้นการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า ออกแบบโซลูชันที่เหมาะสม และทดสอบความเป็นไปได้ของกระบวนการใหม่
การกำหนดขอบเขตของโครงการอย่างชัดเขน ระบุว่าต้องการออกแบบกระบวนการหรือสินค้าใหม่เพื่ออะไร และใครคือกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง
หลังจากกำหนดขอบเขตของโครงการเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการออกแบบ
วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการวัดผล เพื่อตรวจสอบปัจจัยที่มีผลต่อการออกแบบกระบวนการใหม่ โดยมุ่งเน้นการระบุข้อจำกัด ความเสี่ยง และโอกาสการปรับปรุง
การพัฒนากระบวนการใหม่ให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนด โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพ ความเป็นไปได้ และการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งาน
ประเมินความถูกต้องและประสิทธิภาพของกระบวนการที่ออกแบบใหม่ เพื่อยืนยันว่าสามารถดำเนินงานได้จริงและให้ผลลัพธ์ตามที่กำหนดไว้
Six Sigma
RPA
กระบวนการจัดการเอกสารในธุรกิจการเงิน: ธนาคารใช้เวลาในการประมวลผลเอกสารการสมัครสินเชื่อเป็นเวลานาน และมีข้อผิดพลาดจากการป้อนข้อมูล ใช้ Six Sigma เพื่อวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา และใช้ RPA ป้อนข้อมูลที่ได้จากเอกสารลงในระบบอัตโนมัติ
การปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อ: ฝ่ายจัดซื้อเสียเวลากับการออกใบสั่งซื้อ (PO) และมีข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลบ่อยครั้ง ใช้ Six Sigma วิเคราะห์โอกาสที่เกิดข้อผิดพลาด และใช้ RPA จัดทำใบสั่งซื้ออัตโนมัติ
การพัฒนากระบวนการทำงานและบุคลากรเพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด
การพัฒนารูปแบบการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ และช่วยลดข้อผิดพลาด
ที่อยู่
43 อาคารไทยซีซี ทาวเวอร์ ชั้นที่ 11 ห้องเลขที่ 111
ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา
เขตสาทร กรุงเทพมหานคร
Copyright © 2025 KSP AsiaFIN Co., Ltd. All Rights Reserved.