ลดขั้นตอนการทำงาน

ลดขั้นตอนการทำงานอย่างมีระบบ วิธีคิด เทคนิค และข้อควรระวัง

การแข่งขันในโลกของธุรกิจ ความเร็วและความแม่นยำคือหัวใจของความสำเร็จ การทำงานที่ซับซ้อนมากเกินไป ไม่เพียงแต่ทำให้ทีมเสียเวลา แต่ยังเพิ่มต้นทุนและลดความพึงพอใจของลูกค้า การลดขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นระบบจึงเป็นสิ่งที่องค์กรควรให้ความสนใจ ไม่ใช่แค่เพื่อลดภาระของทีมงาน แต่ปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กร บทความนี้ทำให้เข้าใจถึงเหตุผลที่ควรลดขั้นตอน วิธีคิดที่ถูกต้อง เทคนิคที่ทำได้จริง และข้อควรระวัง เพื่อให้การทำงานเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ความแตกต่างระหว่างการลดขั้นตอนกับปรับปรุงกระบวนการทำงาน

การลดขั้นตอนการทำงาน มีจุดมุ่งหมายทำให้กระบวนการสั้นลงและทำงานได้เร็วขึ้น ตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออก ส่วน การปรับปรุงกระบวนการทำงาน มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการโดยรวมไม่ใช่แค่ทำให้เร็วขึ้น

ทำไมองค์กรควรลดขั้นตอนการทำงาน

ปัญหาที่เกิดจากขั้นตอนซับซ้อนเกินไป

ขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยากและซับซ้อนอาจเป็นสิ่งที่ทำให้ประสิทธิภาพขององค์กรลดลง ตัวอย่างเช่น ต้องกรอกข้อมูลซ้ำในหลายระบบ หรือรอการอนุมัติจากหลายฝ่าย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อเวลาทำงานและคุณภาพบริการ

ผลกระทบต่อองค์กร

ขั้นตอนที่ซับซ้อนทำให้งานเกิดความล่าช้า และสร้างผลกระทบในหลายมิติ ทั้งด้านต้นทุน เวลา คุณภาพ และความพึงพอใจของลูกค้า การทำงานที่ต้องผ่านหลายระบบและหลายฝ่ายทำให้ทีมงานเสียเวลา ส่งผลให้งานเสร็จช้ากว่ากำหนด

ประโยชน์ที่ได้จากการลดขั้นตอน

การลดขั้นตอนการทำงานอย่างมีระบบ จะส่งผลดีต่อพนักงาน ลูกค้า และองค์กรโดยรวม ไม่ใช่แค่การทำงานเร็วขึ้น แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ตัวอย่างประโยชน์ที่เห็นได้ชัด เช่น การลดความผิดพลาด ซึ่งจะช่วยลดการทำงานซ้ำซ้อน

สัญญาณบอกว่าองค์กรควรเริ่มลดขั้นตอนการทำงาน

หากพบว่าการทำงานมีความล่าช้า กระบวนการซ้ำซ้อน หรือเกิดข้อผิดพลาดบ่อย อาจเป็นสัญญาณที่องค์กรต้องทบทวนขั้นตอนการทำงาน และมองหาวิธีการลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น

เวลาทำงานยาวเกินไป

พนักงานต้องทำงานล่วงเวลาเป็นประจำ หรืองานโครงการเล็กใช้เวลามากกว่าที่ควรจะเป็น อาจเป็นสัญญาณว่าขั้นตอนการทำงานมีปัญหา ขั้นตอนที่ซับซ้อนเกินไป ทำให้เวลาทำงานยืดออกไปโดยไม่จำเป็น

เอกสารเยอะและอนุมัติหลายขั้นตอน

ถ้าต้องพิมพ์เอกสารจำนวนมาก ส่งต่อข้อมูลระหว่างหลายแผนก และต้องรอการเซ็นอนุมัติจากผู้บริหารหลายขั้นตอนเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้งานล่าช้า เสี่ยงต่อการสูญหายหรือความผิดพลาดของข้อมูล

ลูกค้าร้องเรียนเรื่องความล่าช้า

หากได้ยินเสียงสะท้อนจากลูกค้าว่าบริการช้าหรือรอนานเกินไป ถือเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับองค์กร ปัญหาความล่าช้ามักเกิดจากขั้นตอนภายในที่ซับซ้อนเกินไป เช่น ต้องส่งเรื่องให้หลายฝ่าย หรือรอการอนุมัติหลายชั้น

ข้อมูลแต่ละแผนกไม่เชื่อมกัน

หากข้อมูลแต่ละแผนกถูกจัดเก็บในระบบแยกกัน ไฟล์กระจัดกระจาย ต้องเสียเวลาค้นหา หรือพนักงานต้องโทรถามข้อมูล นี่คือหนึ่งสาเหตุที่ทำให้งานล่าช้า การเชื่อมโยงระหว่างแผนกจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น

พนักงานทำงานซ้ำซ้อนในหลายระบบ

หากพนักงานต้องกรอกข้อมูลเดิมซ้ำ ๆ ในหลายระบบ หรือทำงานแบบแมนนวล ทั้งที่ใช้ระบบอัตโนมัติอย่างเช่น RPA ช่วยงานได้ นี่เป็นอีกสัญญาณที่บอกว่าองค์กรกำลังเสียเวลาไปกับงานที่ไม่สร้างมูลค่า

หลักการคิดและการเตรียมตัวก่อนเริ่มลดขั้นตอน

ก่อนเริ่มลดขั้นตอนการทำงาน องค์กรควรทำความเข้าใจเป้าหมายที่แท้จริง มองภาพรวมของกระบวนการทั้งหมด และเตรียมความพร้อม เพื่อให้การลดขั้นตอนเกิดประสิทธิภาพสูงสุดโดยไม่กระทบกับคุณภาพของงาน

หลักการคิดและการเตรียมตัวก่อนเริ่มลดขั้นตอน

ทำความเข้าใจเป้าหมายที่แท้จริง

ก่อนเริ่ม องค์กรต้องเข้าใจก่อนว่า เราลดเพื่ออะไร ดังนั้นควรตั้งคำถามสำคัญ เช่น เราต้องการลดเวลาทำงานกี่เปอร์เซ็นต์ ต้องการลดต้นทุนด้านทรัพยากรหรือไม่ ต้องการเพิ่มคุณภาพของงานให้อยู่ในระดับไหน

มองภาพรวมของกระบวนการทำงานทั้งหมด

ก่อนจะปรับลดขั้นตอนใด ๆ ต้องวิเคราะห์กระบวนการทำงานทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มจนจบ เช่น เส้นทางเอกสาร, ลำดับการอนุมัติ, การเชื่อมโยงระหว่างแผนก และจุดที่มีการรอคอยนาน การมองภาพรวมช่วยให้เข้าใจว่าอะไรคือคอขวด และอะไรคือขั้นตอนที่จำเป็น

หาขั้นตอนซ้ำซ้อนที่ควรตัดออก

การระบุขั้นตอนออกมาอย่างละเอียดจะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าจุดไหนควรตัดออก และจุดไหนควรปรับปรุง โดยอาจใช้เทคนิคอย่าง Process Mapping หรือแผนภาพขั้นตอนการทำงาน เพื่อวิเคราะห์ทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ

สื่อสารและสร้างความเข้าใจในทีม

องค์กรควรสื่อสารอย่างชัดเจนว่าทำไมต้องปรับเปลี่ยน, เป้าหมายคืออะไร และจะได้ประโยชน์อะไรจากการเปลี่ยนแปลงนี้ การเปิดโอกาสให้ทีมแสดงความคิดเห็น หรือแชร์ปัญหาที่พบจริงในการทำงาน จะช่วยหาวิธีการลดขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพ

เลือกใช้วิธีและเครื่องมือที่เหมาะสม

ปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้การทำงานกระชับและเร็วขึ้น เช่น RPA (Robotic Process Automation), ระบบอนุมัติออนไลน์, หรือเครื่องมือสื่อสารภายในทีม การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับลักษณะงานและความพร้อมของทีมเป็นสิ่งสำคัญ

สื่อสารและเลือกเครื่องมือ

ตัวอย่างการลดขั้นตอนการทำงานในองค์กร

การลดขั้นตอนการทำงานไม่จำเป็นต้องทำทั้งองค์กรพร้อมกันเสมอไป อาจเริ่มจากการปรับปรุงกระบวนการในบางฝ่ายก่อน เพื่อให้ทีมเห็นผลลัพธ์จริง และนำไปต่อยอดในระดับองค์กร โดยเฉพาะแผนกที่มักมีงานเอกสารเยอะ การอนุมัติหลายชั้น หรือขั้นตอนที่ใช้คนทำซ้ำ ๆ บ่อย ๆ การยกตัวอย่างการปรับปรุงในฝ่ายบัญชี, ฝ่ายบุคคล (HR) และฝ่ายขาย จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าการลดขั้นตอนทำได้อย่างไร และส่งผลดีอย่างไรต่อการทำงาน

ฝ่ายบัญชีและการเงิน

  • ใช้ระบบจัดการเอกสารดิจิทัล (DMS) ลดเวลาค้นหาและจัดเก็บเอกสาร
  • ใช้ระบบอนุมัติออนไลน์ เพื่อลดการส่งเอกสารแบบกระดาษ
  • ใช้ RPA เพื่อทำงานซ้ำ ๆ เช่น ตรวจสอบใบเสร็จหรือสร้างรายงานอัตโนมัติ

ฝ่ายบุคคล (HR)

  • ใช้ระบบ HRM (Human Resource Management) จัดเก็บและเชื่อมโยงข้อมูลพนักงานแบบรวมศูนย์
  • เปิดให้พนักงานส่งคำขอลางานหรือเอกสารออนไลน์โดยไม่ต้องพิมพ์กระดาษ
  • ใช้ระบบ Payroll อัตโนมัติ เพื่อลดเวลาการคำนวณเงินเดือน

ฝ่ายขาย

  • ใช้ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อจัดเก็บข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์
  • ใช้ RPA ทำเอกสารใบเสนอราคาอัตโนมัติ ลดเวลาสร้างเอกสารจากชั่วโมงเหลือเพียงนาที
  • กำหนดขั้นตอนอนุมัติราคาที่ชัดเจน และใช้ระบบออนไลน์ในการอนุมัติ

เครื่องมือที่ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน

ระบบ Workflow Management

ระบบ Workflow Management

Workflow Management System คือระบบที่ช่วยจัดระเบียบขั้นตอนการทำงานให้ชัดเจนและเป็นระบบมากขึ้น ระบบนี้สามารถออกแบบเส้นทางงานตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ พร้อมกำหนดลำดับการทำงาน อนุมัติ และติดตามสถานะของงานแบบเรียลไทม์

เครื่องมือ RPA (Robotic Process Automation)

RPA จะช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่เสียเวลา และลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะให้พนักงานฝ่ายบัญชีคีย์ข้อมูลใบเสร็จทีละรายการ RPA สามารถดึงข้อมูลจากไฟล์ต้นฉบับและบันทึกลงระบบอัตโนมัติ

เครื่องมือ RPA (Robotic Process Automation)
ลดขั้นตอนโดยเครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกัน

เครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกัน

การใช้เครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกัน จะช่วยให้ทีมเข้าถึงข้อมูลเดียวกันได้ง่ายขึ้น เช่น Slack สำหรับสื่อสารภายในองค์กรแบบรวดเร็ว Trello สำหรับติดตามโปรเจ็กต์และแบ่งงานชัดเจน Google Workspace สำหรับแชร์ไฟล์

ระบบจัดการเอกสาร DMS

ระบบ DMS (Document Management System) เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การจัดการเอกสารง่ายขึ้น ช่วยแปลงเอกสารทั้งหมดให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ค้นหาไฟล์ได้รวดเร็ว จัดเก็บอย่างเป็นระบบ และกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงได้อย่างปลอดภัย

ระบบจัดการเอกสาร DMS

ข้อควรระวังเมื่อปรับลดขั้นตอนการทำงาน

กระทบต่อคุณภาพของงาน

การตัดขั้นตอนที่มีผลต่อคุณภาพออกไป อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาด เช่น ขาดการตรวจสอบเอกสาร, ข้ามขั้นตอนอนุมัติที่จำเป็น หรือส่งงานที่ไม่สมบูรณ์ให้ลูกค้า ดังนั้น ก่อนลดขั้นตอนใด ๆ ต้องตรวจสอบก่อนว่าขั้นตอนนั้นมีบทบาทสำคัญต่อการรักษามาตรฐานงานหรือไม่

ตรวจสอบข้อกฎหมายหรือข้อบังคับก่อนลดขั้นตอน

ขั้นตอนบางอย่างถูกกำหนดไว้ตามข้อกฎหมายหรือมาตรฐานข้อบังคับ เช่น การจัดเก็บข้อมูลลูกค้า, ขั้นตอนการตรวจสอบทางบัญชี, หรือการอนุมัติด้านความปลอดภัย หากลดขั้นตอนเหล่านี้โดยไม่ศึกษาให้ดี อาจทำให้ธุรกิจละเมิดกฎหมายและเกิดความเสียหายร้ายแรงได้

ลดขั้นตอนเท่าที่จำเป็น ไม่ให้เสียการควบคุม

การลดขั้นตอนมากเกินไปอาจทำให้การควบคุมหายไป กระบวนการที่ไม่มีจุดตรวจสอบหรือการยืนยันข้อมูลเสี่ยงทำให้งานผิดพลาดและแก้ไขยากในภายหลัง วิธีที่ปลอดภัยคือ ลดเฉพาะขั้นตอนที่ไม่สร้างมูลค่า และคงไว้ซึ่งขั้นตอนหลักที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้อง หรือใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยควบคุม

เลือกใช้เทคโนโลยีที่ทีมใช้งานได้จริง

เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดขั้นตอน แต่ถ้าเลือกใช้ผิด อาจทำให้ขั้นตอนซับซ้อนกว่าเดิม เช่น เลือกระบบที่ใช้งานยาก หรือไม่เหมาะกับลักษณะงานของทีม ดังนั้นก่อนนำเทคโนโลยีมาใช้ ควรพิจารณาความพร้อมของทีม เช่น ความเข้าใจด้านดิจิทัล งบประมาณ และการสนับสนุนด้านการอบรม

Facebook
LinkedIn
x.com